กลุ่มบริษัทสยามไวเนอรี่ ร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชนบูรณาการการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน น้อมนำพระราชดำริรัชกาลที่ 9 ดำเนินโครงการฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรี พัฒนาแหล่งอาหารสัตว์ป่า และสร้างความปลอดภัยให้คนและสัตว์ป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล จนถูกยกให้เป็น “กุยบุรีโมเดล” ต้นแบบการจัดการปัญหาคนกับช้างและป่าระดับประเทศและนานาชาติ
ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติกุยบุรีคือหนึ่งในผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางระบบนิเวศน์และชีวภาพ ทว่าหากย้อนไปกว่า 20 ปีก่อน ภาพของผืนป่ากุยบุรีแตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีผู้บุกรุกแผ้วถางป่าอันเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ป่าเพื่อทำไร่สัปปะรดเป็นจำนวนมาก เมื่อช้างออกจากป่าลงมากินสัปปะรด จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลางปี พ.ศ.2540 พบช้างป่า 2 ตัวเสียชีวิตเพราะได้รับสารพิษจากไร่สับปะรด และในเวลาไม่ห่างกันนักช้างป่าอีก 1 ตัวถูกยิงเสียชีวิต เนื่องจากเข้าไปกินสับปะรดที่ราษฎรปลูกไว้ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลานั้น ยากเหลือเกินที่จะเชื่อได้ว่าวันหนึ่งคนกับช้างและป่าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล
กระทั่งความทราบถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระองค์จึงมีพระราชดำริให้นำผืนป่ากุยบุรีกลับคืนมาเป็น “โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2540 ด้วยเหตุนี้โครงการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 โดยมีกิจกรรมทั้งด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ การปลูกพืชฟื้นฟูสภาพป่า สร้างฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน สร้างฝายต้นน้ำแบบกึ่งถาวร ทำโป่งเทียม ทำแนวกันไฟ และกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาอาชีพของคนในชุมชน ได้แก่ การสร้างบ่อน้ำในไร่นา ส่งเสริมการปลูกหญ้าแฝก ส่งเสริมการทำและใช้ปุ๋ยหมัก เป็นต้น
กลุ่มบริษัท สยามไวเนอรี่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไวน์และเครื่องดื่มของไทย ซึ่งยึดมั่นในหลักความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตระหนักถึงปัญหาของผืนป่า และความสมดุลของธรรมชาติอย่างเสมอมานับตั้งแต่ก่อตั้ง โดยมุ่งมั่นกับการพัฒนา และช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ และงานอาสาสมัครต่างๆ ด้วยความเชื่อว่า หน้าที่ที่สำคัญที่สุดขององค์กรคือการดูแลผืนดินที่เพาะปลูกเป็นอย่างดี ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักในการอนุรักษ์ผืนป่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และผู้มีส่วนร่วมในโครงการตามพระราชดำริ จึงเป็นองค์กรเอกชนรายแรกที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่อย่างจริงจัง เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูสภาพป่า พัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มแหล่งอาหารสัตว์เพื่อให้มีแหล่งอาหารอย่างเพียงพอสำหรับสัตว์ป่า ดูแลเรื่องความปลอดภัยของสัตว์ป่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน
ทั้งนี้กลุ่มบริษัท สยามไวเนอรี่ ได้เริ่มดำเนินงานโครงการอันเกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูผืนป่ากุยบุรีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 โดยร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน และชุมชน จัดตั้งภาคีเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรีหรือ POWER of Kuiburi (POWER: Public Private Partnership Offering for Wildlife and Ecosystem Resilience) และทำบันทึกข้อตกลง “พันธสัญญาเทือกเขาตะนาวศรี” ยุติการล่าสัตว์ป่า เพื่อสนองพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการสร้างแนวทางและการจัดการทรัพยากรสัตว์ป่า ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ส่งผลให้การอนุรักษ์ช้างป่า และสัตว์ป่าในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ถูกยกให้เป็นต้นแบบของการจัดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติภายใต้ชื่อ “กุยบุรีโมเดล” ที่หลายประเทศให้ความสนใจเข้ามาศึกษาดูงาน
ทุกวันนี้อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้รับการยกย่องว่าเป็นอุทยานต้นแบบในการอนุรักษ์ผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก จำนวนสัตว์ป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าได้โดยไม่รบกวนซึ่งกันและกัน นำมาซึ่งความภูมิใจในฐานะองค์กรเอกชนรายแรกที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าแห่งนี้ และความสำเร็จดังกล่าวนับเป็นกำลังใจสำคัญให้กลุ่มบริษัท สยามไวเนอรี่ มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง